จากนโยบายสู่การปฏิบัติ และประโยชน์ที่จะได้รับจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม
กะฉ่อนวาไรตี้
วันที่ 19 พ.ย.68 สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 พร้อมการบรรยายพิเศษและการเสวนาทางวิชาการ โดย ดร.นิพนธ์ เอี่ยมสุภาษิต นายกสมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุม และเน้นย้ำบทบาทของสมาคมในการผลักดันองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่สู่การพัฒนาเชิงนโยบายและการใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม
ในการประชุมดังกล่าว สมาคมได้จัดการบรรยายพิเศษเพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของนโยบายด้านเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมในประเทศไทย ซึ่งมุ่งส่งเสริมให้ภาคการเกษตรนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และขับเคลื่อนประเทศสู่ความเป็นศูนย์กลางด้านเกษตรและอาหารของโลก ขณะที่ในด้านการแพทย์ ประเทศไทยอยู่ระหว่างการจัดทำแนวทางด้านการแพทย์แม่นยำ โดยนำข้อมูลพันธุกรรมมาใช้ในการวินิจฉัยและรักษาโรคอย่างถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายเรื่อง "แนวนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม" โดย ดร.ปิยรัตน์ ธรรมกิจวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร , “มุมมองของผู้สนับสนุนทุนวิจัย” จากคุณชิดชนก เกษี นักวิเคราะห์อาวุโส 1 สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ที่สะท้อนว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรจะมีบทบาทสำคัญในการลดผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศและการแก้ปัญหาโรคทางพันธุกรรมในอนาคต

ต่อเนื่องด้วยการเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ “ความก้าวหน้าของงานวิจัยและพัฒนาเพื่อตอบสนองแนวนโยบายด้านเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม ด้านการเกษตรและด้านการแพทย์” โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านเข้าร่วมแลกเปลี่ยน ได้แก่
รศ.ดร.ศุภชัย วุฒิพงศ์ชัยกิจ ภาควิชาพันธุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ด้านการเกษตร–พืช), ดร.วีระศักดิ์ พิทักษ์ศฤงคาร นักวิชาการเกษตรชำนาญการ สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร , ผู้เชี่ยวชาญคงภพ อำพลศักดิ์ กองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง (ด้านการเกษตร–ประมง) , ผู้เชี่ยวชาญกมล ฉวีวรรณ สำนักพัฒนาพันธุ์สัตว์ กรมปศุสัตว์ (ด้านการเกษตร–ปศุสัตว์) , ศ.นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพันธุกรรม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ด้านการแพทย์)
การเสวนานำเสนอความคืบหน้าของงานวิจัยในสาขาต่าง ๆ เช่น
ด้านพืช: พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ให้ทนโรค ทนสภาพอากาศ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ รวมถึงการค้นหายีนสำคัญในพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง และเห็ด พร้อมโครงการพัฒนาพืชทนแล้ง ทนเค็ม และพันธุ์ที่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ด้านประมง: พัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเศรษฐกิจ เช่น ปลานิล ปลากะพงขาว และกุ้งกุลาดำ เพื่อเพิ่มการเติบโตและความต้านทานโรค โดยเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
ด้านปศุสัตว์: นำเทคโนโลยีจีโนมมาใช้ในการประเมินพันธุกรรม และเทคโนโลยี MAS / Genomic Selection เพื่อปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อ โคนม และสุกร รวมทั้งการศึกษายีนที่เกี่ยวข้องกับลักษณะสำคัญทางเศรษฐกิจ
ด้านการแพทย์: การพัฒนาเทคโนโลยีรักษาโรคทางพันธุกรรม เช่น ยีนบำบัด การรักษามะเร็งด้วย CAR T-cell Therapy และงานวิจัยโรคทางตาที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม
หลังจากนำเสนอความก้าวหน้าในวันนี้ สมาคมได้ขยายประเด็นเชิงนโยบายโดยย้อนถึงบทบาทและภารกิจที่ผ่านมา สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 เพื่อสนับสนุนการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะการสื่อสารเรื่องเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม ซึ่งพัฒนามาจากเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมแบบดั้งเดิมที่ต้องถ่ายยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่น ไปสู่เทคโนโลยีแก้ไขยีนโดยไม่ต้องนำเข้ายีนใหม่ ทำให้มีความจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ที่ผ่านมา สมาคมได้เผยแพร่ข้อมูลในประเด็นสำคัญ อาทิ การใช้เทคโนโลยีจีโนมเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (15 พฤศจิกายน 2567) และการนำเสนอพืชปรับแต่งจีโนมที่ใกล้พร้อมใช้งานและแนวทางกำกับดูแล (27 มีนาคม 2568) รวมถึงการสื่อสารให้ประชาชนตระหนักว่าพืชปรับแต่งจีโนมไม่ใช่พืชดัดแปลงพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) พร้อมอธิบายขั้นตอนการขอรับรองสิ่งมีชีวิตจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม พ.ศ. 2567 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการใช้ประโยชน์ในอนาคต
ในต่างประเทศ ปรากฏว่ามีผลิตภัณฑ์ปรับแต่งจีโนมวางจำหน่ายแล้ว ทั้งในพืช ประมง และปศุสัตว์ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองโอเลอิกสูง ผักไม่เปลี่ยนสีน้ำตาล มะเขือเทศ GABA สูง ปลามะได ปลาปักเป้าลายเสือ และสุกรต้านทานโรค PRRS รวมถึงการประยุกต์เทคโนโลยี CRISPR/Cas9 ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์ ถือเป็นความสำเร็จที่สะท้อนศักยภาพของเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมระดับสากล
โดยสรุป เทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมมีศักยภาพสูงในการยกระดับภาคการเกษตร ทั้งด้านประสิทธิภาพการผลิต ความทนทานต่อโรคและสภาพแวดล้อม ตลอดจนการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของพืชผล ขณะเดียวกัน ในภาคการแพทย์ เทคโนโลยีนี้ช่วยพัฒนายาและการรักษาโรคทางพันธุกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตประชาชนในระยะยาว



หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม ชาย by กะฉ่อน รายงาน

Kachon
2025-11-19 18:35:51
4
