ข่าวประโยชน์ที่ภาคเกษตรจะได้รับจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม โดย สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2568 - kachon.com

ประโยชน์ที่ภาคเกษตรจะได้รับจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม โดย สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2568
กะฉ่อนวาไรตี้

photodune-2043745-college-student-s

บทความนี้ เป็นการให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง เกี่ยวกับ “ประโยชน์ที่ภาคเกษตรจะได้รับจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม” เพื่อประกอบการพิจารณาร่วมกับ “รายงานการกระทำหรือละเลยการกระทำอันมีผลกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภค ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรณีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยและขอให้มีการทบทวนและพิจารณาเพิกถอนประกาศดังกล่าว”

ข้อมูลที่นาเสนอนี้ เป็นข้อมูลที่อยู่บนพื้นฐานทางวิชาการที่มีการยอมรับอย่างกว้างขวาง และเห็นต่างจากข้อมูลที่นาเสนอในรายงานดังกล่าว เฉพาะในประเด็นที่กล่าวถึงในรายงานใน “หัวข้อที่ 5. คือ ผลกระทบต่อผู้บริโภค และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” โดยกล่าวไว้อย่างสั้น ๆ ว่า

“การใช้สิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนมในภาคเกษตรส่งผลเสียต่อ เกษตรกร ผลิตผลทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์และสินค้าอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์ สุขภาพ” ดังนั้น หากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่สามารถกากับสิ่งมีชีวิตและผลิตภัณฑ์ของสิ่งมีชีวิต ที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนมได้อย่างรัดกุม จะ “เป็นการทาลายระบบเกษตรอินทรีย์ ปัญหาการให้ความคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนความเสียหายต่อระบบนิเวศ การปนเปื้อนที่ทาลาย ความหลากหลายทางชีวภาพที่ไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้ และอาจนาไปสู่การผูกขาดอันเนื่องจากผลของสิทธิบัตร”

ความเห็นต่างจากข้อมูลที่นาเสนอในรายงานดังกล่าว สรุปได้ดังนี้

1. ที่กล่าวมาด้านบน เป็นการกล่าวถึงโดยไม่มีการอ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยอมรับได้โดยทั่วไปแต่อย่างใด เป็นการกล่าวลอย ๆ ที่ยังอิงกับข้อกังวลที่มีต่อการใช้ประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม ซึ่งมีความแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตปรับแต่งจีโนมอย่างมีนัยสาคัญ

2. ความแตกต่างซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป คือ สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม จะเกี่ยวข้องกับการถ่ายฝากยีนแปลกปลอมจากชนิดพันธุ์อื่นเพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะใหม่ ในขณะที่สิ่งมีชีวิตปรับแต่งจีโนม จะเป็นการแก้ไขจีโนมของสิ่งมีชีวิตเองอย่างแม่นยา โดยไม่มีดีเอ็นเอ (ยีน) แปลกปลอม

3. การปรับแต่งจีโนมในภาคเกษตรมีประโยชน์อย่างมากต่อเกษตรกรและผลผลิต กรณีพืชปลูก เกษตรกรจะมีพันธุ์พืชที่ต้านทานโรค ทนแล้ง และมีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ซึ่งนาไปสู่ผลผลิตพืชผลที่สูงขึ้นและรายได้ของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นผ่านต้นทุนปัจจัยการผลิตที่ลดลง (เช่น สารป้องกันกาจัดแมลงศัตรูและปุ๋ย) และการผลิตที่เสถียรยิ่งขึ้น

4. อาหารที่มาจากการปรับแต่งจีโนมถือว่าปลอดภัย โดยได้รับการประเมินอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกากับดูแล เช่น FDA (Food and Drug Administration – องค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา) และ (FSANZ Food Standards Australia New Zealand – หน่วยงานมาตรฐานสินค้าอาหารของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) เพื่อยืนยันความปลอดภัยในการบริโภค และแสดงให้เห็นว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นนั้นไม่แตกต่างไปจากอาหารที่มาจากการปรับปรุงพันธุ์แบบดั้งเดิมมากนัก

5. ตัวอย่างยาที่พัฒนามาจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม ได้แก่ Casgevy [ยาบาบัดด้วยยีนแบบครั้งเดียวที่ใช้รักษาโรคเลือดจางธาลัสซีเมียชนิดเบต้า (Transfusion-dependent beta-thalassemia: TDT) ] เป็นยาได้รับการอนุมัติในช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ยานี้ทางานโดยการนาเซลล์ต้นกาเนิดเม็ดเลือดของผู้ป่วยเองมาตัดต่อพันธุกรรมด้วยเทคโนโลยี CRISPR/Cas9 เพื่อแก้ไขยีน BCL11A ทาให้ร่างกายสามารถสร้างฮีโมโกลบิน F (fetal hemoglobin) หรือฮีโมโกลบินทารกได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ทางานได้ดีขึ้นและลดอาการของโรคได้

6. ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพที่ได้จากการปรับแต่งจีโนม ที่มีจาหน่ายเชิงพาณิชย์ ในปัจจุบัน ได้แก่ น้ามันถั่วเหลืองโอเลอิกสูงของ Calyxt (Calyno) ซึ่งเพิ่มระดับกรดโอเลอิกที่ดีต่อหัวใจ และมะเขือเทศญี่ปุ่นที่อุดมไปด้วย GABA ซึ่งทราบกันดีว่าช่วยลดความดันโลหิต ตัวอย่างอื่น ๆ ที่กาลังพัฒนา ได้แก่ ผักใบเขียวมัสตาร์ดที่มีกลิ่นฉุนน้อยกว่า ("Conscious Greens" ของ Pairwise) ผักกาดหอมและอะโวคาโดที่ไม่เปลี่ยนเป็นสีน้าตาล และข้าวสาลีไฟเบอร์สูง

7. ส่วนข้ออ้างที่ว่า เป็นการทาลายระบบเกษตรอินทรีย์ ปัญหาการให้ความคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนความเสียหายต่อระบบนิเวศ การปนเปื้อนที่ทาลาย ความหลากหลายทางชีวภาพที่ไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้ และอาจนาไปสู่การผูกขาดอันเนื่องจากผลของสิทธิบัตร ซึ่งไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ ที่เทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนมและผลิตภัณฑ์ จะส่งผลกระทบดังกล่าว

8. กล่าวโดยสรุป การใช้สิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนมในภาคเกษตรไม่ได้ส่งผลเสียต่อ เกษตรกร ผลิตผลทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์และสินค้าอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์ สุขภาพ แต่กลับจะมีประโยชน์ต่อภาคส่วนดังกล่าว

เอกสารอ้างอิง

(https://www.frontiersin.org/research-topics/55394/genetically-modified-gm-and-genome-edited-ge-plants-for-achieving-sustainable-agriculture) (https://www.cabidigitallibrary.org/do/10.5555/blog-genome-editing-climate-resilient-agriculture/full/#:~:text=Genome%20editing%20
in%20crops%20offers,crops%20faster%20
than%20traditional%20methods)

(https://www.food-safety.com/articles/8522-fao-food-safety-of-gene-editing-not-much-different-than-traditional-breeding-techniques)

(https://doi.org/10.1038/d41587-023-00016-6)

(https://www.frontiersin.org/journals/genome-editing/articles/10.3389/fgeed.2022.850104/full

 

หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม  ชาย by กะฉ่อน  รายงาน