เปิดประวัติผู้กำกับคนดัง เดอะป้อม พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ มือสเก็ตภาพคนร้ายเบอร์หนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กะฉ่อนวาไรตี้
การที่ได้ทำงานเพื่อประชาชน เพื่อสังคม คือความภาคภูมิใจอันสูงสุด คืออุดมคติของนายตำรวจท่านหนึ่งที่โจร คนร้าย ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามล้วนขยาดกันเป็นแถว แม้ตัวท่านอาจจะไม่ได้ออกไปบุกจับคนร้ายด้วยตัวเอง แต่ท่านก็เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาได้นับไม่ถ้วน แม้คนร้ายเหล่านั้นจะพรางตัวด้วยวิธีใดก็ตาม คือที่มาของ Forensic Artist Police Pol.Col.Chaiwat Burana
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ ( ป้อม) ผู้กำกับการฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร 2 ( ฝทว.2 ) กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2506 ปัจจุบันอายุ 59 ปี จบเข้ารับการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย จังหวัดเพชรบุรี / ชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดประสาท ย่านธนบุรี กรุงเทพฯ / ต่อระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ จากนั้นได้ข้ามฝั่งไปเรียนต่อที่วิทยาลัยเพาะช่าง สาขาจิตรกรรมสากล หลังจากจบมาได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ เอกศิลปศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒประสานมิตร / อบรมหลักสูตร กอส.รุ่นที่ 16 และศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ หลักสูตรความร่วมมือกับสถาบันทหาร รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
รับราชการครั้งแรกอายุ 34 ปี ดำรงตำแหน่ง รอง สว.งาน 4 กก.2 ทว. ยศร้อยตำรวจตรี ในช่วงปลายปี 2539, ดำรงตำแหน่ง สว.งาน 3 กก.2 ทว., ดำรงตำแหน่ง สว.ฝทว.1 ทว./ ดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.ฝทว. 2 ทว. / ดำรงตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร 2 ทว. ในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน รวมอายุราชการ 21 ปี
จบหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 76 / หลักสูตรสารวัตร รุ่นที่ 75 / หลักสูตรผู้กำกับการ รุ่นที่ 88 / หลักสูตรการสเก็ตช์ภาพใบหน้าคนร้าย AFP Forensic Artist Workshop (สถานทูตออสเตรเลีย) / หลักสูตรสอบสวน (โดยสถานทูตสหรัฐอเมริกา) ICE/EXBS Counter Proliferation Investigations Training (U.S. Immigration and Customs Enforcement) / หลักสูตรการสืบสวนสอบสวน คดีละเมิดค้าอาวุธทำลายล้างสูงและสินค้าที่ใช้ได้สองทาง U.S.Immigration And Customs Enforcement ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ นั้นเป็นผู้ชำนาญการสเก็ตช์ภาพใบหน้าคนร้ายที่เรียกได้ว่าเป็นมือหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นครูสอนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วมากมาย เคยออกรายการโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ รายการวิทยุ มาแล้วมากมาย ถ้าจะใช้คำว่า ท่านผู้กำกับคนดังก็คงไม่แปลก
อำลางานบริษัทพลิกผันรับราชการ
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ หรือ ผกก.ป้อม เล่าว่า สมัยเรียนจบได้ทำงานในบริษัทโฆษณาในตำแหน่ง Art Director รับเงินเดือนถึง 50,000 บาท แต่ด้วยความที่มีอุดมการณ์จึงพลิกผันตัวเองเข้ารับราชการในตำแหน่งรองสารวัตร งาน 4 กก.2 ทว. เมื่อปลายปี 2539 ในวัย 34 ปี ตามอุโครงการ “ตำรวจ เพื่อประชาชน” ผ่านการอบรมหลักสูตร กอส.รุ่นที่ 16 รุ่นเดียวกับ ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอบฟุตบอลทีมชาติไทย ในช่วงอบรมก็ได้ร่วมเล่นฟุตบอลกันในยามว่าง, อบรมหลักสูตรการสืบสวนสอบสวนโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ปี 2542
ในช่วงวัยเด็กตนเองได้รับการปลูกฝังจากญาติผู้ใหญ่ที่รับราชการ และถวายงานอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ รวมถึงมีใจรักในงานศิลปะโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก ในหลวง ร.9 จึงเริ่มวาดภาพตั้งแต่เรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษาปี 4 ของโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งภาพแรกที่ได้วาดขึ้นนั้นเป็นภาพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครูผู้สอนเห็นผลงานจึงเห็นแววและส่งเข้าประกวดแข่งขันวาดภาพ โรงเรียนต่างๆ ในจังหวัด จนได้รับรางวัลชนะเลิศจากผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีในขณะนั้น หลังจากนั้นจึงเกิดแรงบันดาลใจในการทำงานทางศิลปะมากขึ้น จนกระทั่งสามารถพัฒนาฝีมือตนเองจนได้เข้าศึกษาในระดับที่สูง และทำงานจนเป็นที่ยอมรับในด้านการสเกตช์ภาพคนร้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ
ส่วนเหตุผลที่พลิกผันชีวิตมารับราชการตำรวจเพราะตนเองมองว่าตำรวจหรือทหาร เป็นงานที่มีความสำคัญ และคิดอยู่เสมอว่าเป็นความห่างไกลจากตัวเรามาก และตัวเราไม่น่าจะมีความสามารถ ที่จะก้าวเข้าสู่ การเป็นตำรวจได้ และเราก็รู้เพียงว่า ถ้าจะเป็นตำรวจ ก็ต้องสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานให้ได้ ซึ่งดูแล้วเป็นอะไรที่น่าจะยากมากๆ ณ เวลานั้น และเราก็ได้เลือกเส้นทางเดิน ที่ตัวเองชอบ จนย้อนกลับมามองถึงองค์กรตำรวจ จึงเห็นว่า มีงานที่เราน่าจะช่วยองค์กรตำรวจได้ ตามที่เรามีศักยภาพและมีความสามารถก็คืองานสเก็ตช์ภาพใบหน้าคนร้าย เมื่อคิดตามนั้น จึงทดลองกับไปเขียนภาพใบหน้าบุคคลซึ่งเราทิ้งไปนาน พอสมควร เมื่อได้กลับมาเขียน 5-10 ภาพ ก็เกิดความมั่นใจ จึงตัดสินใจที่จะสมัครสอบเข้ารับราชการตำรวจ และเข้ารับการอบรมหลักสูตร กอส. รุ่นที่ 16 นั่นคือการก้าวเข้าสู่การรับราชการตำรวจเกือบเต็มตัว แต่ก็ต้องทำใจเยอะมาก เนื่องจากเราไม่เคยอยู่ในกฎระเบียบ รู้สึกท้อในระยะแรกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน ก็เริ่มสนุก กับเพื่อนๆ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ยังขาดความมั่นใจ ก็คือเพื่อนๆที่เขารับการอบรมหลายคนเป็นตำรวจอยู่แล้ว มีทั้งยศร้อยตำรวจตรี และร้อยตำรวจโทจนถึงร้อยตำรวจเอก ส่วนตัวเราจากบุคคลธรรมดา ไม่เคยรู้ระบบการทำงานเลย ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะปรับตัวเอง แต่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี
อดีตช่วงเริ่มต้นที่จะเข้ารับราชการตำรวจนั้นบุคคลที่เป็นไอดอล คือพลตำรวจเอก มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น ซึ่งเป็นอดีตอธิบดีกรมตำรวจ เมื่อได้คุยกับท่าน ท่านจะเล่าเรื่องราว ของตำรวจให้ฟัง พร้อม ให้คำแนะนำในช่วงที่เป็นตำรวจระยะแรก และในช่วงปีพ.ศ 2539 ท่านได้ประดับยศร้อยตำรวจตรีให้ผม และภาพขณะที่ ประดับยศ นั้นยังติดอยู่ในห้องทำงานของผมตั้งแต่ปีพ.ศ 2539 จนถึงปัจจุบัน ต่อมาในช่วงปีพ.ศ 2546 ได้มีโอกาสร่วมงานกับท่าน พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ซึ่งเป็นนายตำรวจอีกท่านหนึ่งที่เป็นไอดอล ผมชอบการทำงานแบบสบายๆเป็นกันเองกับประชาชน ชอบทำงานมวลชน และงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเป็นแนวทางในการทำงานจนถึงปัจจุบัน
ศิลปินสร้างศิลปะ งานอดิเรกที่ใจรักเสมอมาในยามว่าง
หลังว่างจากงานตำรวจ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ ก็ใช้เวลาผลิตปลุกปั้นงานศิลปะ การเขียนรูป เป็นงานอดิเรก โดยได้มีโอกาสนำผลงานไปร่วมการแสดงงานศิลปะที่นำมาใช้ในกระบวนการยุติธรรม ร่วมแสดงด้วยเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงงานของตำรวจได้มากยิ่งขึ้น เช่นการสเก็ตช์ภาพคนร้าย, การสเก็ตช์ภาพเด็กหายให้มีอายุเทียบเท่าปัจจุบัน รวมไปถึงการสเก็ตภาพจากศพ กรณีพบศพนิรนามที่มีลักษณะใบหน้าเปลี่ยนไปจนไม่สามารถจำได้ ทำเพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวน
ชื่อของ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ นับเป็นที่รู้จักอีกหนึ่งวงการคือ ดนตรี ท่านได้สร้างสรรค์ผลงาน แต่งเพลงทำดนตรีขึ้นโดยเนื้อหาจะว่าด้วยเรื่องความสมานสามัคคี ความรัก ห่วงใยต่อพี่น้องประชาชน และส่งมอบความรักและบทเพลงให้กับหน่วยงานต่างๆ ปัจจุบัน มีผลงานเพลง ทั้งหมด 5 เพลง 1.สปคม. สู้ภัยโควิด 19 / 2. จากนี้เราจะเดินเคียงกัน / 3. เธอหายไป ขอได้พบเธอ / 4. เธอกับฉัน / 5. ขอชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ไทย
ที่ผ่านมาทั้งด้วยหน้าที่ในราชการผสมผสานกับความเป็นจิตอาสา ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกรวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมโครงการสเก็ตช์ภาพเตือนภัยให้สังเกตจดจำ ซึ่งทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความรู้กับเด็กเยาวชนและประชาชนกลุ่มเสี่ยง ให้มีความรู้ในการป้องกันอาชญากรรม และมีทักษะในเรื่องการสังเกตจดจำ โดยมีเป้าหมายเพื่อปิดช่องอากาศในการก่ออาชญากรรม ล่าสุดได้ทำโครงการนี้ที่โรงเรียนบ้านดงสารคาม จังหวัดนครนายก ได้นำ ลูกวอลเลย์บอล ที่มีคุณภาพ ไปมอบให้กับเด็กนักเรียนและลูกวอลเลย์บอลส่วนหนึ่งที่นำไปมอบนั้นจะมีลายเซ็นของนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยทุกคน เพื่อเป็นแหล่งกระตุ้นให้เด็กๆ เด็กนักเรียน มีความสนใจในด้านกีฬา
นอกจากนี้ยังจัดทำโครงการบรรยายให้ความรู้กับเด็กเยาวชนและประชาชนกลุ่มเสี่ยงรวมถึงส่วนราชการต่างๆ ในเรื่องของการเตือนและระวังภัย ให้ความรู้ในการสังเกตจดจำ และทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เพื่อช่วยป้องกันและรู้ทัน ปิดช่องโอกาสคนร้ายที่คิดจะกระทำความผิด หรือหากกระทำความผิดประชาชนจะสามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ซึ่งมีผลโดยตรงกับงานสเก็ตช์ภาพคนร้าย และที่สำคัญอบรมให้กับเยาวชนและประชาชนในการช่วยกันป้องกัน การหายตัวไปของเด็กที่อาจเกิดจากการถูกล่อลวง ลักพาตัวเด็ก การทำงานเชิงรุกได้ร่วมมือกับมูลนิธิกระจกเงา เพิ่มชองทางการติดตามเด็กหาย ในการ สเก็ตซ์ภาพจำลองเด็กหายที่หายไปเป็นระยะเวลานาน โดยตามหลักการ ใบหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้มีลักษณะใบหน้าที่มีอายุเทียบเท่าปัจจุบัน ตามกระบวนการ (Age Progression) นอกจากนี้ได้รับความไว้วางใจให้เป็นอาจารย์พิเศษสอนให้กับนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ในระดับชั้นปีที่ 4 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 15 ปี
หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม ชาย by กะฉ่อน รายงาน