ข่าวพล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผู้การ จว.สระบุรี ลุยปราบขบวนการค้ายาเสพติด สั่งชุดสืบสวนจับขยายผลได้ผู้ต้องหา 4 คน ของกลางกัญชาอัดแท่งเกือบ 1 ตัน - kachon.com

พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผู้การ จว.สระบุรี ลุยปราบขบวนการค้ายาเสพติด สั่งชุดสืบสวนจับขยายผลได้ผู้ต้องหา 4 คน ของกลางกัญชาอัดแท่งเกือบ 1 ตัน
กะฉ่อนวาไรตี้

photodune-2043745-college-student-s

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2565 เวลา 13.00 น. ที่ สภ.แก่งคอย พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี / พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี / พ.ต.อ.สุภรณ์ หิรัญเวชบูรณ์ รอง ผบก.ปส.2 / พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ แสนวงศ์สิริ ผกก สภ.แก่งคอย /พ.ต.ท.ณรงค์ชัย อุบลศุข รอง ผกก.สสฯ สภ.แก่งคอย / ร.ท.ปกฤต สนดำ / ร.ต.พยนต์ สุขจำนงค์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ พร้อมชุดจับกุมร่วมแถลงข่าวจับกุม นายพรเทพ หรือเอ็มหรือเทพ ทนสุนันท์ อายุ 24 ปี ที่ชาว กรุงเทพมหานคร / นายสุพจน์ หรือพจน์ ภู่ระหงษ์ อายุ 32 ปี ที่อยู่ ชาว ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จว.ชลบุรี / น.ส.ชนิสรา หรือพิม กงแก้ว อายุ 20 ปี ชาว ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง จ.ระยอง / นายมงคล หรือโจ้ พิลา อายุ 41 ปี ชาว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลาง พร้อมด้วยของกลาง กัญชาชนิดแห้งอัดแท่ง ห่อด้วยกระดาษฟรอยสีทอง พันทับด้วยพลาสติกใส จำนวน 40 แท่ง รวมน้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม บรรจุรวมกันอยู่ภายในกระสอบถุงปุ๋ยห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำ โดยพบวางอยู่บนที่นั่งตอนหลัง ของรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นบริโอ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ฆต-6945กรุงเทพมหานคร ที่นายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.ชนิสราฯ ผู้ต้องหาที่ 3 นั่งโดยสารมาด้วยบริเวณที่นั่งตอนหน้าข้างคนขับ นอกจากนี้ยังพบยาไอซ์ชนิดเกล็ดน้ำหนัก 3.3 กรัมภายในรถดังกล่าว / กัญชาชนิดแห้งอัดแท่ง ห่อด้วยกระดาษฟรอยสีทอง พันทับด้วยพลาสติกใส จำนวน 910 แท่ง รวมน้ำหนักประมาณ 910 กิโลกรัม ซึ่งแบ่งบรรจุอยู่ภายในกระสอบถุงปุ๋ยห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 23 กระสอบ โดยพบวางอยู่ในกระบะบรรทุกที่มีหลังคาอลูมิเนียมปิดทึบของรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลัก รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฉ- 762 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่บริเวณสถานที่จับกุมนายมงคลฯ ผู้ต้องหาที่ 4 / โทรศัพท์มือถือพร้อมซิมการ์ดจำนวน 5 เครื่อง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหา ผู้ต้องหาที่ 1 คือ นายพรเทพ หรือเอ็มหรือเทพ ทนสุนันท์ กระทำผิดฐาน “จำหน่ายโดยมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน”

ผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 คือ นายสุพจน์ หรือพจน์ ภู่ระหงษ์ / น.ส.ชนิสรา หรือพิม กงแก้ว กระทำผิดฐาน“ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท ๕ (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าและให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” และเฉพาะผู้ต้องหาที่ 2 กระทำผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” อีกฐานหนึ่งด้วย ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 คือ นายมงคล หรือโจ้ พิลา กระทำผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท ๕ (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าและให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน”

พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุม นายสาโรจน์ ปานคำ กับพวก พร้อมของกลาง ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 298 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 30 มี.ค.65 ที่บริเวณโกดังให้เช่า เลขที่ 27/86 ซอยบงกช 4 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากการสืบสวนผู้ถูกจับได้ให้การซัดทอดว่า นายพรเทพฯ ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดของนายสาโรจน์ฯ โดยทำหน้าที่ในการขับรถลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อนำมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พ.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบมาว่านายพรเทพฯ ได้ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ฒฉ- 762 กรุงเทพมหานคร ขึ้นไปรับยาเสพติดไม่ทราบประเภทที่บริเวณชายแดนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจะนำยาเสพติดดังกล่าว มาส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางในวันที่ 10 พ.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อจะติดตามจับกุม โดย พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี หัวหน้าชุดจับกุมได้วางแผนให้ พ.ต.ต.อิทธิพล ดนมินทร์ สว.กก.สส.ภ.จว.สระบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมรถยนต์จำนวน 4 คัน ไปจอดสังเกตอยู่ที่บริเวณใกล้ทางแยกระหว่างถนนมิตรภาพ กับถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมาฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อคอยสังเกตหารถยนต์กระบะทะเบียน 3ฒฉ- 762 กรุงเทพมหานคร หากพบให้ขับรถติดตามและคอยแจ้งพฤติกรรมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมอื่น ทราบเป็นระยะ หากมีโอกาสก็ให้ทำการเข้าจับกุม ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่เหลือได้เตรียมกำลังพร้อม เพื่อเตรียมเข้าช่วยเหลือในการจับกุม

จนกระทั่งเวลา 06.30 น. ของวันเดียวกัน พ.ต.ต.อิทธิพลฯ กับพวกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่วางกำลังอยู่บริเวณริมถนนมิตรภาพใกล้ทางแยกระหว่างถนนมิตรภาพ กับถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมาฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร พบรถยนต์กระบะต้องสงสัย ขับมาตามถนนมิตรภาพมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานครผ่านจุดที่ พ.ต.ต.อิทธิพลฯ กับพวกวางกำลังอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามพร้อมกับแจ้งให้ พ.ต.อ.ไกรสรฯ หัวหน้าชุดจับกุมทราบจุดผ่านเป็นระยะ ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 08.20. รกกระบะคันดังกล่าว ขับมาถึงบริเวณฟาร์มโคนม ไทเดนมาร์ก ซึ่งทาง พ.ต.ต.สุทธิรักษ์ เคร่งจริง สวป.สภ.แก่งคอย พร้อมกำลังส่วนหนึ่งได้ตั้งจุดตรวจรอตรงบริเวณก่อนถึงสะพานกลับรถหน้าบ้านพักพนักงานโรงปูนซีเมนต์ นครหลวง 2 ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหลือให้คอยบริเวณริมถนนมิตรภาพ จนเมื่อรถยนต์กระบะ คันดังกล่าว ขับมาถึงบริเวณริมถนนสายมิตรภาพขาเข้าสระบุรี หน้าทางเข้าหมู่บ้านอำนวยจิต ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ก็ได้ขับเข้าหยุดรถบริเวณไหล่ทางด้านซ้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งกระจายกำลังอยู่บริเวณนั้นเข้าทำการตรวจค้นจับกุม โดยขณะเข้าแสดงตน นายพรเทพฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ไม่ยอมลงมาจากรถเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงทุบกระจกบริเวณฝั่งด้านข้างคนขับและบังคับพาตัวนายพรเทพฯ ลงมาจากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำรถยนต์กระบะ ทะเบียน 3ฒฉ- 762 กรุงเทพมหานคร และตัวนายพรเทพฯ เข้าไปตรวจสอบที่ ภ.จว.สระบุรี ผลการตรวจสอบพบกัญชา หนักประมาณ 960 กิโลกรัม อยู่ที่กระบะบรรทุกของรถยนต์ที่นายพรเทพฯ ขับมา ซึ่งกระบะบรรทุกดังกล่าวมีหลังคาอะลูมิเนียมคลุมทับมิดชิด

ซึ่งนายพรเทพ ให้การว่าตนเองได้รับจ้างจากชายไม่ทราบชื่อสกุลจริง ใช้แอพพลิเคชั่น ไลน์ ชื่อ “CODEX” นำกัญชาของกลางรายการที่ จำนวน 910 กิโลกรัม มาส่งมอบให้กับ นายมงคลฯ ผู้ต้องหาที่ 4 และรับจ้างจากชายไม่ทราบชื่อสกุลจริง โดยตนเองได้เรียกว่าบอส นำกัญชามาส่งให้นายพรเทพฯ ในการนำของกลางรายการที่ 1 จำนวน 40 กิโล มาส่งมอบให้ผู้ต้องหาที่ 2 โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 3-40000 บาท โดยครั้งนี้รวมกับที่ผ่านมาตนเองได้ทำสามครั้ง โดยตนเองจะให้คนจ้างโอนเงินเข้ามาที่บัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาประเวศ ของตนเอง และบัญชีธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นบัญชีของ นางกัญญารัตน์ นาสมฝัน ภรรยาของนายพรเทพฯ

ในการนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้พาตัวนายพรเทพ ชี้เป้าเพื่อขยายผลจับกุม สมัครใจที่จะพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปขยายผลจับกุม บุคคลในเครือข่ายยาเสพติดที่จะต้องมารับกัญชาต่อจาก นายพรเทพฯ จำนวน 2 ราย คือ 1.ชาย ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ใช้เฟสบุ๊คชื่อ PEERS LOVE ซึ่งทราบภายหลังจากที่มีการจับกุมว่าคือ นายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ ๒ โดยนายพรเทพฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ต้องนำกัญชาไปส่งให้จำนวน 40 แท่ง (1 กระสอบ) และ 2 นายป๋า ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ใช้ไลน์ชื่อ “P.พิซ่า”ซึ่งทราบภายหลังจากที่มีการจับกุมว่าคือ นายมงคลฯ ผู้ต้องหาที่ 4 โดยนายพรเทพฯ ต้องนำกัญชาไปส่งให้ จำนวน 920 แท่ง

เจ้าหน้าที่จึงให้นายพรเทพฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ติดต่อกับนายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ ๒2โดยใช้แอพพลิเคชั่น แมสเสนเจอร์ ที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ ในการติดต่อโดยนัดหมายให้มารับกัญชาจำนวน 40 แท่ง ที่บริเวณหลังร้านสะดวกซื้อบิ๊กซี ตลาดกวางทอง ในเวลาประมาณ 10.30 น. เมื่อนัดหมายกันแล้ว เจ้าหน้าที่จึงพาตัวนายพรเทพ และรถยนต์กระบะ ของกลาง ไปจอดอยู่บริเวณจุดนัดหมาย ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหลือ กระจายตัวอยู่โดยรอบ

ต่อมาเมื่อถึงเวลานัดหมายมีรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นบริโอ สีเทา (บรอนซ์เงิน) ติดแผ่นป้ายทะเบียน ฆต-6455 กรุงเทพมหานคร ขับเข้ามาบริเวณที่นัดหมาย แล้วขับเข้าไปจอดเทียบที่บริเวณด้านซ้ายของรถยนต์กระบะของกลาง จากนั้นนายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ชนิสราฯ ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ลงมาจากรถแล้วนายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ได้เข้าไปเปิดตู้ทึบที่อยู่ด้านท้ายรถยนต์กระบะ แล้วยกกัญชาของกลางลำดับที่ 1 ไปใส่ไว้ตรงที่นั่งตอนหลัง ของรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นบริโอ ร ที่นายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ขับมา เมื่อเห็นดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระจายกำลังอยู่ เข้าทำการจับกุมและตรวจค้นรถยนต์ทะเบียน ฆต-6945กรุงเทพมหานคร ผลการตรวจค้นพบ ยาไอซ์ ของกลางลำดับที่ 3 อยู่ภายในรถที่นายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ขับมาเพิ่มอีกหนึ่งรายการด้วย เจ้าหน้าที่จึงจับกุมทั้งสองคนไว้ และนำตัวนายพรเทพ และกัญชาของกลางลำบที่ 2 ไปสืบสวนขยายผลจับกุม นายมงคลฯ ผู้ต้องหาที่ 4 เป็นรายต่อไป โดยใช้วิธีการเดิม สามารถจับกุมผู้ต้องหาคนที่ 4 ได้ที่บริเวณลานจอดรถ กรีนการ์เด้นท์โฮม คลอง 8 ในเวลาประมาณ 15.00 น. พร้อมของกลงและรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส ทำสีเป็นสีชมพูขาวแบบรถแท็กซี่ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ทส 8172 กรุงเทพมหานคร

โดยนายสุพจน์ ภู่ระหงษ์ ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างจากนายศักดิ์ดา หรือปุ้ม ปทุมแก้ว ให้มารับกัญชาของกลางรายการที่ 1 จากนายพรเทพฯ ผู้ต้องหาที่ 1 แล้วจะนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่จังหวัดระยองในราคากิโลกรัมละ 3000 บาท เมื่อขายกัญชาได้แล้วนายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 จะโอนเงินค่ากัญชาในราคากิโลกรัมละ 1500 บาท ให้กับนายศักดิ์ดาฯ ส่วนยาไอซ์ของกลางลำดับที่ 3 นายศักดิ์ดาฯ เป็นคนฝากมาให้กับนายสุพจน์ฯ แต่ยังไม่ได้ให้ มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ก่อน

ด้าน น.ส.ชนิสรา กงแก้ว ผู้ต้องหาที่ 3 ให้การปฏิเสธตลอดข้อหา โดยให้การว่าคบหาเป็นแฟนกับนายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 โดยที่มากับนายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ในครั้งนี้ เนื่องจากนายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ให้มานั่งรถเป็นเพื่อนโดยไม่ทราบว่าจะมารับกัญชา ของกลางรายการที่ 1

นายมงคล พิลา ผู้ต้องหาที่ 4 ให้การรับสารภาพตลอดข้อหา โดยให้การว่า รับจ้างจากชายไม่ทราบชื่อใช้ไลน์ชื่อ “เจ้าสัวปู่เซิน” ในการมารับกัญชาของกลางลำดับที่ 2 จากนายพรเทพฯ ผู้ต้องหาที่ 1 โดยได้รับการเสนอค่าจ้างในราคา 15000 บาท ทำมาแล้วจำนวน 5 ครั้ง ในการรับเงินค่าจ้างจะให้โอนเงินเข้าบัญชี ของตนเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม  ชาย by กะฉ่อน  รายงาน