ข่าวสุขุม วงประสิทธิ CEO พรหมชีวา บริษัทเอกชน ผู้นำด้าน Socail Enterprise ธุรกิจเพื่อสังคมไทย ภายใต้สโลแกน ประชาชนคือหัวใจ - kachon.com

สุขุม วงประสิทธิ CEO พรหมชีวา บริษัทเอกชน ผู้นำด้าน Socail Enterprise ธุรกิจเพื่อสังคมไทย ภายใต้สโลแกน ประชาชนคือหัวใจ
กะฉ่อนวาไรตี้

photodune-2043745-college-student-s

โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขันเอารัดเอาเปรียบกันในสังคม ผู้ให้น้อยกว่าผู้รับ คนรวยก็รวยเสียดฟ้าคนจนก็จนเรี่ยดิน ทำให้เกิดช่องว่างในสังคมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะผู้ทำเกษตรกรรม ทำมาตั้งแต่บรรพบุรุษก็ยังไม่สามารถลืมตาอ้าปาก เป็นหนี้สินคราวลูกคราวหลานสืบต่อไป

แนวคิดในการช่วยเหลือเกษตรกรจึงผุดขึ้นมาด้วยความตั้งใจของ คุณสุขุม วงประสิทธิ ประธานที่ปรึกษาและประธานบริหาร ของบริษัท พรหมชีวา ซึ่งเป็น CEO ผู้ใช้ชีวิตสมถะเรียบง่าย ใช้ชีวิตตามคำสอนพ่อหลวงรัชกาลที่9 นำศาสตร์พระราชามาบริหารงานและบุคลากรจนประสบความสำเร็จ ชื่อสุขุม วงประสิทธิ อาจจะมีใครหลายคนเคยคุ้นหูคุ้นตาผ่านสื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์แม้กระทั่งสื่อออนไลน์มาไม่น้อย ซึ่งวันนี้จะได้ทราบถึงประวัติแก่นแท้ของผู้ชายชื่อสุขุม วงประสิทธิ ผู้ที่มีหัวใจเยี่ยง พรหม คือผู้มีแต่ให้

คุณสุขุม วงประสิทธิ ปัจจุบันอายุ 53 ปี เกิดที่ โรงพยาบาลหญิง (รพ.ราชวิถี) อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ ปัจจุบันสมรสกับ คุณเตือนใจ. วงประสิทธิ เมื่อปี 2536-2540 ใช้ชีวิตและทำงานเป็นที่ปรึกษาการลงทุน (ล็อบบี้ยิสต์)ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และศึกษาแนวทางการพัฒนาประเทศของระบอบสังคมนิยม (คอมมิวนิสต์) พ.ศ.2540-2545 ได้ผันตัวเข้ามาทำงานด้านจิตอาสา เป็นก่อตั้งและผู้อำนวยการพรรคเกษตรเสรี ผู้อำนวยการพรรคเกษตรมหาชน (พรรคการเมืองที่มีสาขามากที่สุดในขณะนั้น) เป็นผู้ก่อตั้งพรรคสังคมไทย เป็นเลขาธิการและหัวหน้าพรรคได้รับเลือกตั้งจากสมาชิก และเป็นเลขาธิการสหพันธ์พรรคการเมืองไทย ( 2 สมัย)

กระทั่ง พ.ศ. 2548 – 2550 เป็นผู้ริเริ่มและร่วมก่อตั้งสภาการวิทยุและโทรทัศน์ชาติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (สวชพ.) และดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ และประธานคณะกรรมประสานงานโครงการประชาระบือธรรม ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมี ฯพณฯ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ (ประธานองคมนตรี) นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น รับเป็นประธานที่ปรึกษาฝ่ายฆราวาส

ต่อมาได้มีบทบาททางการเมืองมากขึ้นจากการเชิญชวนของมิตรสหายที่มีอุดมการณ์ในการเทิดทูนสถาบันและปกป้องพระมหากษัตริย์ ในปี พ.ศ.2551 จึงได้เข้าร่วมแกนนำกลุ่มรักประชาธิปไตยสนามหลวง โดยตั้งอุดมการณ์ไว้ในการทำภารกิจ 1.รณรงค์ให้พี่น้องเสื้อแดงรักเจ้าเทิดทูนสถาบัน 2.ยกร่างยุทธศาสตร์แนวทางการต่อสู้ให้แกนนำนปช. รักเจ้าเทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นแกนนำกลุ่มสหธรรมิกต่อสู้ทวงคืนเขาปราสาทพระวิหาร

หลังจากนั้นได้เดินหน้าเข้าทางธรรมเพื่อศึกษาเรียนรู้สัจจธรรมของชีวิต) โดยเป็นอุปฐากฝ่ายฆราวาส(เลขานุการ) พระอธิการสนอง กตปุญโญ อดีตเจ้าอาวาส วัดสังทาน อ.เมือง จ.นนทบุรี และเป็นจิตอาสา พิธีกรหลักสถานีโทรทัศน์วัดสังทาน (กว่า 1,000 เทป) รวมถึงเป็น หัวหน้าโครงการแท็กซี่คุณธรรมเศรษฐกิจพอเพียงไทยร่มเย็น ฯลฯ ทั้งที่ตนเองไม่ได้เคยประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่

ก่อนปี พ.ศ.2556 ได้ถูกการทาบทามให้ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่า กทม. โดยในขั้นตอนนี้คุณสุขุม วงประสิทธิ ได้เปิดเผยว่า จริงนั้นตนเองเริ่มหันมาใช้ชีวิตสงบศึกษาพระธรรม แต่เนื่องด้วยที่ผ่านมา ตนเองช่วยคนมาเยอะ ช่วยแบบไม่เคยคิดเป็นมูลค่าทำด้วยใจเห็นใครลำบากก็เข้าช่วยเหลือ ซึ่งเป็นนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร สมัครพรรพวกจึงเล็งเห็นว่าตนเองมีคุณค่าทางสังคมที่จะสามารถช่วยเหลือฟื้นฟูเป็นอนาคตของประเทศได้จึงได้มาชักชวนทาบทามเข้าไปลงเลือกตั้ง ผลคือได้คะแนนเป็นอันดับที่ 6 จากผู้ลงสมัคร จำนวน 28 คน

หลังจากนั้นตนเองได้ตกเป็นข่าวอย่างหนักทางสื่อทุกสื่อ กรณีที่ตนเองได้ไปยืนหนังสือคัดค้านการปราชิกของพระวิรพล ฉัตรติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ ซึ่งทำให้มีคนเข้าใจผิดกันมากมายเพราะสื่อพาดหัวว่า ตนเองเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ตนเองในฐานะพุทธศาสนิกชนและดำเนินกิจกรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นเวลานาน เห็นการกระทำที่ไม่ควรในการทำการปราชิกพระสงฆ์ ทั้งที่พระสงฆ์นั้นยังไม่ยอมปราชิกมาถูกจับถอดจีวรและไม่เป็นไปตามการะบวนการหลักธรรมวินัย จึงเข้าไปคัดค้านในจุดตรงนั้นเพื่ออนาคตจะได้เกิดเสถียรภาพความเป็นธรรมแก่พระสงฆ์รูปอื่นๆที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ให้ได้รับการสิทธิการปฏิบัติตามหลักกฎหมาย และหลักพระธรรมวินัยผลคือ ปัจจุบันหากเกิดคดีอาญากับพระสงฆ์จนถึงขั้นปราชิก ต้องให้ผลคำตัดสินในคดีอาญานั้นๆ ให้ศาลท่านมีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อนจึงสามารถจับพระสึกได้ ตามหลักพระธรรมวินัยอนุโลมใช้ในประเทศไทย

ต่อมา ปี 2557 – 2558 จัดตั้งองค์ธรรมะสภาพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับการสนับสนุนจากพระเดช พระคุณ พระเทพญานมงคล(หลวงป๋า) อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชบุรี ภารกิจเพื่อรักษาความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยไม่ให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในหมู่ชาวพุทธ จากกรณี การปฏิรูปพระพุทธศาสนา (คุณไพบูลย์ นิติตะวัน) และกรณี วัดธรรมกาย เป็นต้น

พ.ศ.2558-2561 ได้รับตำแหน่งเป็นเลขานุการประจำตัว ฯพณฯ พลเอกขวลิต ยงใจยุทธ และต่อมา ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการมูลนิธิพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เพื่อสร้างสันติภาพและการพัฒนา ภารกิจ จัดตั้งสำนักประสานงานมูลนิธิฯ 143 แห่งครอบคลุม 4 ภาคทั่วประเทศ สมาชิกระดับกรรมการบริหาร(สาขากว่า) 2,000 คน ซึ่งใช้เวลาจัดตั้งภายในระยะเวลา 9 เดือน (ปัจจุบันยุติบทบาทนี้แล้ว)

ปัจจุบันได้ทำงานเพื่อสังคมเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องชาวไทย โดยได้รับเกียรติเป็นเลขานุการกลุ่มรักเมืองไทยแห่งสุวรรณภูมิ จัดทำยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาความยากจน ฉบับ ประชาชนืเมื่อปี ปลายปี พ.ศ.2561 โดยมีผู้นำทุกสาขาอาชีพ จำนวน 50 ท่านเข้าร่วมเป็นสมาชิก และมี ฯพณฯ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นประธานที่ปรึกษา นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ เป็นประธาน

และร่วมกับภรรยาคือคุณเตือนใจ วงประสิทธิ ก่อตั้ง บริษัท พรหมชีวา จำกัด เพื่อทำงานด้าน Socail Enterprise ธุรกิจเพื่อสังคม เป็นการรวมกลุ่มของประชาชน บริษัทต่างๆ สถาบันการเงิน สมาคมที่ทำงานเพื่อสังคม เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ภายใต้การนำของบริษัท พรหมชีวา จำกัด ในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย ทำการตลาดช่วยเกษตรกร และคนที่ไม่มีงานทำ เพื่อให้มีรายได้กระจายทั่วถึงกัน โดยคุณสุขุม วงประสิทธิ ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เฉพาะทางด้าน Socail Enterprise สมัยเป็นที่ปรึกษาการลงทุน (ล็อบบี้ยิสต์)ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อย่างขณะนี้ ได้ทำโครงการผลิตชีวมวล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากซากพืช ซากสัตว์ เช่นต้นหญ้า ต้นอ้อย ที่เกษตรกรเมื่อนำไปเผาทำลายจะเกิดมลพิษต่อโลก แต่ทาง บริษัท พรหมชีวา จำกัด ได้นำมาแปรรูปเพื่อให้เกิดรายได้และไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

ดังที่กล่าวข้างต้น คุณสุขุม วงประสิทธิ ได้นำบริษัท พรหมชีวา จำกัด เล็งเป้าไปทางด้านเกษตรกรรม โดยเฉพาะชาวนา ที่ทำนามาชั่วบรรพบุรุษยันลุกหลานแต่กลับเป็นหนี้เป็นสิน จนชาวนาถอดใจขายที่ดินทำกินไปมากมาย จึงได้เริ่มน้อมนำเอาโครงการพระราชดำริ โคกหนองนาโมเดล มาทำแปลงนาสาธิตให้ชาวนา ในหลายพื้นที่ อาทิ อ.บางเลน จ.นครปฐม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นต้น ซึ่งได้นำ นักวิชาการ ปราชญ์ชาวบ้าน และนวัตกรรมที่บริษัทคิดค้นขึ้น อาทิ เครื่องหยอดข้าวเตือนใจไทย สารปรุงดิน กรดอะมิโน มาใช้จนล่าสุดครบ45 วันผลปรากฏว่าข้าวแตกกอ สีสดสวยขึ้นเรียงแถวอย่างงดงาม และขั้นตอนต่อไปจะเริ่มทำศูนย์อบรมชาวนาเตือนใจไทยให้คนตกงาน ลุกหลานเกษตรกรได้มาเรียนรู้และกลับไปยังภูมิลำเนาเพื่อทำงานในภูมิลำเนาลดค่าใช้จ่าย มีรายได้ที่มั่นคงอีกด้วย

โดยคุณสุขุม วงประสิทธิ มีแนวคิดอุดมคติในการ ช่วยเหลือประชาชนทุกๆ ฝ่าย ทุกๆ คนที่เดือนร้อน ซึ่งปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ตามปณิทาน 4 ประการ คือ 1. แก้ไขปัญหาความยากจน 2.ยกพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาเอกของโลก 8พันปี 3.ถวายความจงรักภักดิ์ดีพระบรมราชจักรีวงศ์ 4.พัฒนาคนไทยให้มีอายุขัยเฉลี่ย120ปี ตามหลักพระพุทธศาสนาแผนไทยและโอสถธรรม

ซึ่ง บริษัท พรหมชีวา จำกัด นั้นนับเป็นกลุ่มบริษัทศูนย์กลางโซเชียลเอนเตอร์ไพรส์ ธุรกิจเพื่อสังคม อีกแห่ง เป็นสะพานเชื่อมของเกษตรกรวิถีใหม่ และเริ่มตั้งรากฐานที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ภายใต้สโลแกนว่า ประชาชนคือหัวใจ

หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม  ชาย by กะฉ่อน  รายงาน