ข่าวพ.ต.ต.อรุษ สภานนท์ ตำรวจน้ำดีของประชาชน - kachon.com

พ.ต.ต.อรุษ สภานนท์ ตำรวจน้ำดีของประชาชน
กะฉ่อนวาไรตี้

photodune-2043745-college-student-s

นับเป็นความโชคดีของประชาชนใน เมืองพัทยา ที่มีสารวัตรจราจรหนุ่มผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรักและเคารพต่ออาชีพตำรวจและพี่น้องประชาชน เป็นภาพที่หายากสำหรับนายตำรวจที่ลงปฏิบัติหน้าที่โบกรถในเวลาฝนตก รถติดด้วยตัวเองอย่าง ส.ว.ต่อ หรือ พ.ต.ต.อรุษ สภานนท์ สว.จร. สภ.เมืองพัทยา นายตำรวจหนุ่ม รูปหล่อ ผู้เป็นแบบอย่างความฝันและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่อยากเป็นตำรวจทุกคน

พ.ต.ต.อรุษ สภานนท์ หรือ สว.ต่อ เป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช คุณพ่อทำงานรัฐวิสาหกิจ ส่วนคุณแม่รับราชการเป็นพยาบาล ที่ รพ.หัวไทร ตอนเด็กศึกษาที่ ร.ร.บางกะปิ ชอบเล่นกีฬา มีกลุ่มก๊วนเพื่อนที่เล่นกีฬาด้วยกัน เมื่อถึงวัยใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย จึงได้ชักชวนเพื่อไปสอบ ร.ร.เตรียมทหาร โดยได้ไปติวเข้มเพื่อเตรียมการสอบแถวถนนศรีอยุธยา แต่ครั้งแรกสอบไม่ติด สว.ต่อไม่เคยคิดย่อท้อหรือยอมแพ้ จึงได้ตั้งใจศึกษาและเข้าสอบอีกครั้งจนสามารถสอบติดและจบ ร.ร.เตรียมทหารเหล่าตำรวจ รุ่นที่ 48 และร.ร. นายร้อยตำรวจรุ่นที่ 64 สร้างความภาคภูมิใจให้ตนเองและ คุณพ่อ คุณแม่ เป็นอย่างมาก

พ.ต.ต.อรุษ สภานนท์ เล่าว่า จากเด็กนักเรียนมัธยมที่มีอิสระเมื่อเข้าไปในรั้ว ร.ร.เตรียมทหาร นั้นจะไม่สามารถทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นได้อีก สิ่งที่ได้นอกจากความรู้ วิชาการ และภาคปฏิบัติ ก็คือการปรับพฤติกรรม สร้างระเบียบวินัย ปลูกฝังความรักสามัคคี ในรุ่น เมื่อเรียนจบ 3 ปี จึงได้เข้าเรียนต่อ จนจบ ร.ร.นายร้อยตำรวจ

รับราชการครั้งแรกได้ลงบรรจุเป็นพนักงานสอบสวน สภ.ท่าแพ จ.สตูล สังกัด ตำรวจูธรภาค 9 สมัยนั้น ที่ สภ.ท่าแพ มีคดี 127 คดี มีพนักงานสอบสวนเพียง 2 คน ก็ช่วยกันปฏิบัติหน้าที่จนสะสางคดีไม่มีคดีค้างเก่า ปฏิบัติงานได้ 2 ปี ตามวาระได้ ย้ายมาเป็น รอง สวป. สภ.เมือง ยโสธร ในช่วงเวลา 2 ปี ก่อนย้ายมาเป็นรอง สว.สส.บก.น.6 อยู่ 2ปี ก่อนขึ้นดำรงค์ตำแหน่ง สว.จร.สภ.เมืองพัทยา จนกระทั่งปัจจุบัน ที่ผ่านมาการได้ไปดำรงคืตำแหน่งในที่ต่างๆ ทำให้ได้เรียนรู้จากรุ่นพี่ รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชา ทำให้เพิ่มพูนประสบการณ์มากขึ้น

แม้งานจราจร จะเป็นเรื่องใหม่ งานรูปแบบใหม่ แต่ถ้ามีความตั้งใจ เราจะสามารถเรียนรู้ด้วยความรวดเร็ว ปัจจุบัน สภ.เมืองพัทยา มีกำลังพลทั้งสิ้น 95 นาย ในเวลา 06.30 น.ของทุกวัน จะทำการปล่อยแถวให้เจ้าหน้าที่จราจรไปประจำหน้า ร.ร.ในเขตเมืองพัทยาซึ่งมี 11 ร.ร.ด้วยกัน เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจรและดูแลเด็กนักเรียนในการข้ามถนน เวลา 8.30 น. เจ้าหน้าที่จราจรจะมาอำนายความสะดวกจราจรบริเวณจุดเสี่ยงการติดขัด หลังจาก 10.00 น.จะเริ่มกวดขันวินัยจราจร และช่วยเป็นกำลังเสริมให้เจ้าหน้าที่สายตรวจ กรณี ขาดกำลังพลในการตรวจสอบเหตุต่างๆ และเวลา 16.00 น. จะ ไปช่วยอำนวยความสะดวก ร.ร. เวลาเลิกเรียน อีกครั้ง

และเนื่องด้วยเมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก มีชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวพักอาศัยเยอะ ประกอบกับประชาชนที่ทำการข้าขาย เป็นเมืองเศรษฐกิจเมืองหนึ่ง จึงต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งนอกจากกวดขันวินัยจราจรแล้วยังต้องดูแลนักท่องเที่ยวด้วย พ.ต.ต.อรุษ สภานนท์ ได้เผยถึงกรณีนี้ โดยใช้ หลักรัฐศาสตร์ ควบคู่กับหลักนิติศาสตร์ เน้นการประชาสัมพันธ์ ให้คนพื้นที่ ประชาชนที่มาท่องเที่ยวทราบ ทั้งในเรื่องข้อกฏหมาย ในการกระทำผิดกกหมาย การติดขัดจราจร การซ่อมถนน ทั้งป้าย ทั้งจอแอลอีดี

พ.ต.ต.อรุษ สภานนท์ ได้เป็นที่รู้จักในโลกโซเชียล หลังเหตุการณ์ที่ได้ไปทำไปธุระในเมืองชลบุรี ผ่านถนนเส้น 344 บ้านบึง พบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม มีผู้ได้รับบาดเจ็บนอนกลางถนนมีชาวบ้านเข้ามุงดูและช่วยเหลือแต่ชาวบ้านไม่มีความรุ้ในการช่วยเหลือที่ถุกต้อง พ.ต.ต.อรุษ สภานนท์ จึงลงไปช่วยเหลือเบื้องต้น และประสานงานไปที่ สภ.บ้านบึง และมูลนิธิกู้ภัยมามาช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกจราจรและ นำผู้บาดเจ็บส่ง โรงพยาบาล

พ.ต.ต.อรุษ สภานนท์ กล่าวต่อว่า หน้างานจราจรจะพบอุบัติเหตุบ่อย จึงต้องมีวิธีในการเข้าช่วยเหลือ ตนเอง รู้สึกภูมิใจ ที่ได้ช่วยเหลือคน ตนเองคิดอยู่เสมอว่าเป็นตำรวจ 24 ช.ม.ไม่ใช่แค่เวลาราชการ เพราะนั้นไม่ว่าจะอยู่ในการแต่งกายแบบใด สถานที่ใด ถ้าหากเราสามารถช่วยสังคมและประชาชนได้จะไม่รั้งรอและลงมือปฏิบัติทันที และได้ทำโครงการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ในการเสริมสร้างทักษะการปฐมพยาบาล และการทำ CPR เบื้องต้น ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พัฒนาศักยภาพเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการช่วยเหลือประชาชน

นอกจากนี้ท่านยังได้ชักชวนเจ้าหน้าที่จราจรร่วมทำจิตอาสาทุกเดือน ในการปรับปรุงถนน ตัดต้นไม้ ไม่ให้บังทัศนะวิสัย ทาสีขีดเส้นถนน และ ในเวลาว่างตนเองและผู้ใต้บังคับบัญชาได้ร่วมกัน ซื้อของไปช่วยเหลือ โรงเรียนเด็กตาบอด ผู้ด้อยโอกาส อยู่เสมอ

พ.ต.ต.อรุษ สภานนท์ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ เมืองพัทยา มีกิจกรรม เป็นจำนวนมาก เช่นงานพลุไฟ งานพัทยาเฟสติวัล และอื่นๆ ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เราต้องทำการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนรับทราบแต่ล่วงหน้าว่าตรงไหนทำถนน น้ำท่วม มีงาน เพื่อไม่ให้จราจรแออัด รถติด

ถามว่ามีประชาชนที่ไม่เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจอีกเยอะ และบางครั้งก็มีความรู้สึกน้อยใจ แต่การเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ต้องมองโลกในแง่ดี และมองประชาชนเสมือนพี่น้อง ตนเองจึงสร้างงาน IO ขึ้นมา ในเพจเฟสบุ้ค เพื่อพัฒนาความเข้าใจกับประชาชน

ภารกิจจราจรนั้นอกจากเป็นการดูแลท้องถนน ยังต้องรณรงค์ในระเบียบวินัยการจราจร ได้ทำกิจกรรมร่วมกับ ร.ร. ในพื้นที่ สอนเด็กนักเรียนในระดับอนุบาล ทั้งในข้อกฎหมายจราจรและการช่วยเหลือตนเองในการนั่งรถตู้โรงเรียน เนื่องจากที่ผ่านมามีข่าวน่าเศร้าเยอะมาก ซึ่งที่ผ่านมา น้องๆ และผู้ปกครอง ก็ต่างมีความรูสึกดีผูกพันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ท่านเล่าว่าการเป็นตำรวจ หรือแม้ทำงานอะไรก็ตามต้องคิดบวก มองทุกอย่างอย่างมีสติ เพิ่มความรู้ และรักในงานที่ทำ อุปสรรคทุกอย่างจะผ่านพ้นไป ตนเองโชคดี เจอผู้บังคับบัญชาที่ดี เจอผู้ร่วมงานที่ดี ถ้าถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ตนเองก็จะเลือกมาเป็นตำรวจเหมือนเดิม

"ขอฝากน้องๆที่อยากเป็น ตำรวจ ให้ตั้งใจเรียน และเมื่อเป็นแล้วก็อย่าลืมอุดมการณ์ จิตวิญญาณ แนวคิดของเรา และขอ ฝากประชาชน ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ว่าสิ่งที่ตำรวจได้ ว่ากล่าวตักเตือนหรือ จับกุมข้อหาผิด พรบ. จราจร เช่นไม่ใส่หมวกกันน้อค เมาแล้วขับ นั้นประชาชนอาจจะคิดว่า พัทยาเมืองท่องเที่ยว ทำไมต้องจับ แต่หากเจ้าหน้าที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่แล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะเกิดความสูญเสีย แก่ครอบครัวเขา หรือครอบครัวเรา สิ่งที่เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานเป็นการช่วยปรามการเกิดอุบัติเหตุ และ สร้างสติให้พี่น้องประชาชนไม่ประมาทในชีวิตและทรัพย์สิน"

ฟังจากแนวคิดทั้งหมดนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า วงการตำรวจให้กำเนิดบุคลากรดีดีขึ้นมาอีกหนึ่งท่าน ผู้ที่สมควรเป็นแบบอย่างของผู้ที่อยากเป็นตำรวจ ผู้ที่ยึดมั่นอุดมการณ์การช่วยเหลือประชาชน และผู้ที่รักในความยุติธรรม ผู้ที่ควรถูกเรียกว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

 

หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม  ชาย by กะฉ่อน  รายงาน