ททท.กระตุ้นเศรษฐกิจไทย..ชูแคมเปญ “เที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ@ภาคกลาง”
กะฉ่อนวาไรตี้
แม้สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยคลี่คลายลง แต่สถานการณ์ในระดับโลกยังหนักอยู่ การกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในเรื่องการท่องเที่ยว ก็ต้องส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวไทย ดังนั้นทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงจัดแคมเปญ “เที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ” เอาใจนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนสายมูเตลู ได้เรียนรู้วิถีแห่งการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของพระเกจิชื่อดัง เพื่อนำมาเป็นแบบอย่างปรับใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งช่วยเจริญสมาธิศีลภาวนา
เบื้องต้น ททท.ได้เปิดตัวทริปนำร่อง “เที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ ในภูมิภาคภาคกลาง จ.สุพรรณบุรี-จ.อ่างทอง-จ.นครปฐม- จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.สิงห์บุรี” โดยได้มีการพาสื่อมวลชนพร้อมคณะพุทธศาสนิกชน เดินทางเที่ยววัดในจังหวัดนครปฐม ได้แก่วัดบางพระ และวัดอรัญญิการาม หรือ วัดสามง่าม พร้อมทั้งพาไปสัมผัสกับบรรยากาศร้านกาแฟและร้านอาหารในบรรยากาศผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติ ณ ร้านกาแฟ ฌาร์แต็ง เดอ ไชยศรี( Jadin de Chaisri) / ร้านอาหารบ้านปายนา และ ร้าน Say Hey คาเฟ่ ซึ่งทั้งสามร้านนี้ มีวิวสวยงามสามารถถ่ายรูปและเซลฟี่ได้ทุกมุม
คุณอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ททท. มุ่งเน้นการทำงานด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวในเร็ววันหลังโควิด-19 โดยเฉพาะในส่วนโซนภูมิภาคภาคกลางนี้ มีกิจกรรมในระดับชุมชนที่น่าสนใจ รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่เดิมและเกิดใหม่น่าเที่ยวมากมาย ทางททท.จึงได้ดึงจุดไฮไลท์ที่สำคัญเหล่านี้ นำมาคิดแคมเปญการท่องเที่ยวในด้านศิลปะวัฒนธรรม ด้านความเชื่อ ความศรัทธา ในชื่อแคมเปญว่า “เที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ@ภาคกลาง” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนสายมูเตลู ได้กล้ากลับมาเดินทางอีกครั้งหลังคลายล็อกดาวน์โควิด-19 เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการระดับท้องถิ่น และยังเป็นการรณรงค์และเผยแพร่ในด้านศิลปะวัฒนธรรม ด้านความเชื่อ ความศรัทธา ควบคู่กันไปด้วย”
คุณอภิชัย กล่าวเสริมอีกว่า “อยากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนทุกคน หันหน้าเข้าวัดมุ่งเน้นการพัฒนาด้านจิตใจ ควบคู่กับการพัฒนาด้านสังคมไปพร้อม ๆ กัน ดังเช่นพระเกจิอาจารย์พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบสายภาคกลางตามเส้นทางแคมเปญฯ ที่ได้เปิดตัวในครั้งนี้ เพราะพระเกจิอาจารย์แต่ละรูป ท่านมีบุญบารมีมากมาย การได้ท่องเที่ยวตามรอยพระเกจิดังกล่าวนี้ นอกจากนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนสายมูเตลู จะได้รู้จักวัตถุมงคลที่มีอำนาจทางพุทธคุณต่าง ๆ ที่สามารถนำมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ นักท่องเที่ยว ยังจะได้ทราบถึงวิธีการพัฒนาด้านจิตใจ การครองวัตรการปฏิบัติตนของพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแต่ละรูป”
การเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวไหว้พระ “เที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ@ภาคกลาง” ครั้งนี้ สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งวันธรรมดาและวันหยุด มีเวลาแค่วันเดียวก็เที่ยวได้ อีกทั้งเส้นทางไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก เริ่มกันที่ เส้นทางเที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ จ.นครปฐม
คุณสรียา บุญมาก ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครปฐม-ราชบุรี กล่าวว่า “เส้นทางท่องเที่ยวไหว้พระ “เที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ จ.นครปฐม มีพระเกจิอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายท่าน เช่น “หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ”พระเกจิอาจารย์แห่งเมืองนครชัยศรี ความเชื่อจากชาวบ้านท้องถิ่นถึงกิตติศัพท์อันโด่งดังและเลื่องชื่อของหลวงเปิ่น คือเข้มขลังในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวย ..ที่สำคัญหลวงพ่อเปิ่น ถือเคร่งในวัตรปฏิบัติจนเป็นที่เลื่อมใสแก่ผู้ที่มากราบไหว้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พบเห็นท่านเป็นตัวอย่างของพระนักศึกษาทั้งทางรูปธรรมและนามธรรมอย่างเห็นได้ชัด เป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนความเมตตาต่อผู้ที่มาหาท่านรวมถึงสัตว์ต่าง ๆ จวบจนสิ้นสุดชีวิตของท่าน”
คุณสรียา กล่าวเสริมอีกว่า “อีกวัดที่ไม่ควรพลาด คือ วัดอรัญญิการาม หรือ วัดสามง่าม ที่ชาวบ้านศรัทธาใน หลวงพ่อเต๋ คังคสุวัณโณ ในด้านเมตตามหานิยม เรื่องโชคลาภกับกุมารทอง โดย พระศรีธีรวงศ์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดสามง่าม มีความตั้งใจจะสร้างอาคารวิปัสสนากรรมฐาน 2 ชั้น เพื่อการปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา ตั้งใจจะทำสถานที่ตรงนั้นให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำอำเภอดอนตูม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของสถานที่ปฏิบัติธรรม สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อยก็ วันศุกร์-วันอาทิตย์ ก็สามารถเข้ามาปฏิบัติธรรมกันได้ หากผู้มีจิตศรัทธาท่านใดสนใจบริจาคทรัพย์สร้างเป็นตึกปฏิบัติธรรมประจำตระกูล ทางวัดก็มีความยินดี ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ วัดสามง่าม มูลนิธิหลวงพ่อเต๋ คงทอง เบอร์ 098-641-5599
นอกจากนี้ ยังมีวัดอื่น ๆ ที่มีเกจิอาจารย์ ที่ประชาชนให้ความศรัทธาวอีกมากมาย เช่น หลวงพ่อเงิน จนฺทสุวณฺโณ วัดดอนยายหอม / หลวงพ่อวัดไร่ขิง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) หรืออีกเช่นเส้นทางที่ไปเชื่อมกับจ.ราชบุรี หลวงปู่แผ้ว วัดกําแพงแสน จ.นครปฐม พระเถระผู้เปี่ยมด้วยเมตตา มากด้วยบารมี /หลวงปู่หลิว ปณฺณโก วัดไร่แตงทอง นับเป็นผู้ทรงอภิญญา และมีพุทธาคมสูงส่ง ท่านเป็นผู้ที่มีเมตตา / วัดคงคาราม จ.ราชบุรี ที่มีจิตกรรมฝาผนังงดงาม หรือจะเป็นวัดไทรอารีรักษ์ เป็นวัดที่รวมศิลปวัฒนธรรมของชาติพันธุ์หลายชาติอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็น จีน ลาว มอญ ส่วนในตัวเมืองราชบุรีเองมีวัดสมัยทวราวดี เช่น วัดมหาธาตุวรวิหารเหล่านี้ อยากเชิญชวนให้ทุกท่านเข้ามาท่องเที่ยวเชิงศาสนาใน จ.นครปฐม และจ.ราชบุรี สักการะพระเกจิอาจารย์ เยี่ยมชมวัด เพื่อเสริมสิริมงคลชีวิตให้กับตัวเรา ทั้งนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวชุมชนอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมาก เช่น ตลาดหล่มสัก อยู่ในวัดกฐิน บ้านโป่ง หรือตลาดม่อนหินกอง อ.หินกอง จ.ราชบุรี ด้านอาหารการกิน ก็อร่อย ที่พักสะดวก ราคาย่อมเยา สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวกันได้ และสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานราชบุรี โทรศัพท์ 032 919176-8 / FB ททท.สำนักงานราชบุรีค่ะ”
สำหรับ เส้นทางเที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ แห่งสุพรรณบุรี มีพระเกจิอาจารย์ที่มีบุญบารมีมากหลายท่าน อาทิ หลวงพ่อมุ่ย พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ วัดดอนไร่ ต.หนองสะเดา อำเภอสามชุก จ.สุพรรณบุรี ท่านเป็นพระคณาจารย์ถึง 5 รัชกาล ชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรีอีกรูปหนึ่ง หลวงพ่อมุ่ยท่านเป็นพระสมถะ และปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดเสมอต้นเสมอปลาย ขยันในการศึกษาหาความรู้ทุกด้านโดยเฉพาะในเรื่องตัวเลขอักขระยันต์ คาถาอาคมของท่านเข้มขลังยิ่งนัก ถือเป็นพระนักปฏิบัติธรรมปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ที่ชาวบ้านต่างให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก เมื่อท่านมรณภาพไปแล้วแต่ร่างกายยังไม่เน่าเปื่อย แวะไปกราบสรีระสังขารท่านได้ตลอดเวลา ทางวัดยินดีเป็นอย่างยิ่ง ความเชื่อจากชาวบ้านท้องถิ่นถึงกิตติศัพท์อันโด่งดังและเลื่องชื่อของหลวงพ่อมุ่ย คือ หลวงพ่อท่านได้ไปศึกษาคาถาอาคมจากหลวงพ่ออิ่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวเขา จนมีความเข้มขลังเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว ในด้านคงกระพัน เมตตามหานิยม ทั้งในด้านค้าขาย ถือได้ว่าครอบจักรวาล
ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เมื่อไปเมืองสุพรรณบุรีแล้ว ถ้าไม่ได้ไปไหว้พระ ที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ แสดงว่ามาไม่ถึงสุพรรณบุรี เพราะวัดนี้ถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่ปลูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าอู่ทอง มีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี จุดเด่นของวัดอยู่ตรงองค์พระปรางค์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพระพิมพ์ผงสุพรรณบุรี ที่โด่งดังมากในวงการพระเครื่อง ในทางประวัติศาสตร์นักโบราณคดีให้ความเห็นว่า ปรางค์องค์นี้น่าจะเป็นศิลปะการก่อสร้างสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ ซึ่งเป็นวิธีการเก่าแก่ก่อนสมัยอยุธยา วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาแต่สมัยโบราณ เป็นต้นกำเนิดของพระเครื่องหนึ่งใน "เบญจภาคี" อันลือลั่น เป็นพระอารามเก่าแก่ ปรากฏพระปรางค์องค์ประธานตั้งโดดเด่นเป็นสง่า เดิมชาวบ้านเรียก วัดพระธาตุ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง จ.สุพรรณบุรีมาแต่ครั้งโบราณ ในสมัยอู่ทอง แต่จำต้องร้าง เพราะภัยสงครามระหว่างไทย-พม่าเมื่อคราวกรุงศรีอยุธยาแตก เมื่อเข้ามาในวิหารแล้วเราก็จะได้พบกับพระผงสุพรรณขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่บนวิหาร อยู่ทางด้านหน้าทางเข้าพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สาเหตุที่เรียกว่า "ผงสุพรรณ" ก็เนื่องจากการค้นพบจารึกลานทอง กล่าวถึงการสร้างจากผงว่านเกสรดอกไม้อันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้รับการเรียกขานกันว่า "ผงสุพรรณ"นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมี โลงบรรจุสังขาร พระครูศรีรัตนาภิรักษ์ (หลวงพ่อโพธิ์) อยู่ในวิหารพระผงสุพรรณ ซึ่งชาวบ้านท้องถิ่นมีความเชื่อถึงกิตติศัพท์อันโด่งดังและเลื่องชื่อของ หลวงพ่อโพธิ์ ได้แก่ หลวงพ่อ มีความเข้มขลังในด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนทั่วไปจึงได้เข้าไปกราบสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลเช่นกัน
สำหรับเส้นทางที่ไม่ควรพลาดในการไปเที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ ของจ.อ่างทอง โดยเฉพาะ "พระครูวิบูลอาจารคุณ" หรือ "หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ" วัดม่วง ตำบลหัวสะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองอ่างทอง มีชื่อเสียงโด่งดัง วิทยาคมเข้มขลังและที่สำคัญ ณ วัดม่วงแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของ ‘พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ’ หรือหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งหลวงพ่อเกษมรวบรวมจิตอธิษฐานร่วมกับประชาชนผู้มีจิตศรัทธาสมทบทุนในการสร้าง เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 ขนาดหน้าตักกว้าง 62 เมตร สูง 93 เมตร ใช้เวลาการก่อสร้างนานถึง 16 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ภายในวัดมีความวิจิตรงดงามใหญ่โต ภายในมีภาพจิตรกรรมเกี่ยวกับประวัติพระพุทธเจ้า หลวงพ่อเกษมถือเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติรูปหนึ่ง เมื่อท่านละสังขารไปแล้ว สังขารของท่านยังไม่เน่าเปื่อยบุบสลายเป็นที่น่าอัศจรรย์ และบรรจุไว้ในโลงแก้ว เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปกราบสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล และบริเวณโดยรอบวัดม่วงแห่งนี้ผู้ที่เดินทางมานมัสการจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ที่ควรจดจำมากมายอีกด้วย
อีกหนึ่งพระเกจิของ จ.อ่างทอง ก็คือ หลวงปู่ผาด อภินนฺโท หรือพระครูมงคลสาธุวัตร วัดไร่ ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลวงปู่ผาด อภินันโท หรือพระครูมงคลสาธุวัตร เกิดวันที่ 24 กันยายน 2459 เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดยางมณี โดยมีหลวงพ่อชวน วัดยางมณี เป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นมีอายุครบบวช เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดยางมณี ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2481 มีหลวงพ่อปลื้ม วัดช้าง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่ผาดยังฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี หรือหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ นอกจากนี้หลวงปู่ผาด ยังเรียนวิชาสำคัญจากพระเกจิสายอ่างทองชื่อดังหลายท่าน อาทิเช่น เรียนทำผงวิเศษจากหลวงพ่อภู วัดดอนรัก เรียนทำเบี้ยแก้ เสกปรอท จากหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ เรียนทำตะกรุดโบสถ์ลั่นจากหลวงปู่คำ วัดโพธิ์แก้ว หลวงปู่ผาด เป็นพระอริยสงฆ์ท่านหนึ่งที่ปลุกเสกด้านเครื่องรางหรือวัตถุมงคลต่าง ๆ ได้เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ ล้วนแล้วแต่ทรงคุณอันวิเศษ ท่านมีวิทยาคมที่สามารถอัญเชิญ พญาครุฑ เทพ พรหม ได หลวงปู่ผาดมรณภาพ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2557 เวลา 20.59 น. สิริรวมอายุได้ 98 ปี 76 พรรษา สังขารของท่านยังไม่เน่าเปื่อยบุบสลาย ถูกบรรจุไว้ในโลงแก้ว สามารถเข้าไปกราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
ด้าน เส้นทางท่องเที่ยวไหว้พระ “เที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ จ.พระนครศรีอยุธยา" ต้องไม่พลาดไปสักการะ พระครูวิหารกิจจานุการหรือหลวงพ่อปานโสนันโท เกิดตรงกับรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่5) ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปีพ.ศ.2439 ณ พัทธสีมาวัดบางนมโค โดยมีหลวงพ่อสุ่น วัดปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปานเป็นผู้มีจิตเมตตาเมื่อท่านฉันภัตตาหารเพลแล้ว มักชอบออกมาสงเคราะห์ชาวบ้านอยู่เสมอ นอกจากนี้ท่านยังได้ร่ำเรียนการปลุกเสกพระเครื่องและเป่ายันต์เกราะเพชร จากอาจารย์แจงสวรรคโลกรวมถึงได้รับพระคาถาปัจเจกโพธิสัตว์มาจากครูผึ้งหลวงพ่อปานโสนันโทได้ละสังขารไปในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลพระอัฐมรามาธิบดินทร(รัชกาลที่๘)
ตบท้ายกันที่ เส้นทางท่องเที่ยวไหว้พระ “เที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ จ.สิงห์บุรี" ต้องไม่พลาดไปกราบสรีระสังขาร ‘พระธรรมมุนี’ หรือที่รู้จักกันในนาม หลวงพ่อแพ เขมังกโร ณ วัดพิกุลทอง
หลวงพ่อแพ เป็นผู้มีใจใฝ่การศึกษา ท่านศึกษาด้านสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐานที่สำนักพระครูภาวนา นอกจากนั้นหลวงพ่อแพได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ เพื่อเรียนวิชาอาคมจนแตกฉานเชี่ยวชาญ การสร้างวัตถุมงคลของท่านเป็นที่กล่าวขานในเรื่องของความขลัง และยังบูรณปฏิสังขรณ์วัดพิกุลทองจากที่เคยทรุดโทรมให้กลับมามีความสวยงามด้วยศิลปกรรมและการตกแต่ง ภายในมีศาสนสถานที่สำคัญหลายอย่าง มีรูปหล่อเหมือนหลวงพ่อแพองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารสวยทรงสูง ที่เหล่าลูกศิษย์ร่วมกันสร้างถวายแด่หลวงพ่อ หลังจากท่านได้มรณภาพลง ท่านได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์เรื่อยมา สมณศักดิ์สุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมมุนี
ขอเชิญชวนทุกท่านที่มีกำลังทรัพย์ออกเดินทางอีกครั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับภาคประชาชนในทุกภูมิภาคให้กลับมาฟื้นตัวในเร็ววัน และสามารถ “เที่ยวเสริมชะตา สักการะพระเกจิ” ที่สำคัญควรพัฒนาจิตใจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมไปพร้อม ๆ กันด้วย ท่านใดสนใจติดต่อได้ที่ บริษัท เทลออฟเอเซีย จำกัด โทร - 02 950 1200, 089 1727294 FB : https://www.facebook.com/Trailsofasia/
หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม ชาย by กะฉ่อน รายงาน