แม่ค้าสาวชาวไทย และครอบครัว ซึ้งใจ รอง ผบก.สส.สตม. พร้อมเปิดเผยข้อมูลเพื่อเตือนคนไทยค้าขายซื่อตรง
กะฉ่อนวาไรตี้
จากเหตุการณ์หญิงชาวไทย ที่ค้าขายเสื้อผ้าย่าน ห้างแพลตตินั่ม ประตูน้ำ ที่เดินทางมาเที่ยว เมืองกวางโจว ประเทศจีนและเพื่อซื้อเสื้อผ้ากลับมาขาย แต่กลับถูกพ่อค้าชาวจีนกักขังควบคุมตัวไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ใน เมืองกวางโจว โดยพ่อค้าชาวจีนคนดังกล่าว ได้กล่าวหาว่า หญิงสาว และทางญาติคือ พี่สาวของสามี ได้เบี้ยวสัญญาซื้อขายที่ทำไว้กับทางเจ้าของเสื้อผ้ารายนี้ โดยไม่ชำระค่าเสื้อผ้าจำนวน 2 ล้านบาท จึงนำแม่ค้าสาวชาวไทยรายนี้ไปกักขัง เพื่อให้ประสานมายังพี่สาวของสามีให้นำเงินมาชำระ
ซึ่งภายหลัง พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.สส.สตม. ได้รับเรื่องร้องเรียน จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนซึ่งมีความสนิทสนมกันให้ช่วยเหลือ ก่อนจะประสานไปยังสถานทูตไทยในเมืองกวางโจว ให้ช่วยเหลือ เพราะที่พ่อค้าชาวจีนได้จับตัวไว้นั้นเป็นคนละคนกับคนที่ก่อหนี้สิน แม้กฎหมายชาวจีนจะอ้างว่าหญิงสาวคนดังกล่าวสามารถถูกกักตัวไว้ได้เพราะอยู่ในข่ายร่วมกระทำผิด แต่ด้วยความไม่ย่อท้อของ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ ในการติดต่อประสานงาน วันที่11 ธ.ค.60 เวลาประมาณ 21.00น. หญิงสาวคนดังกล่าว ซึ่งทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.สุพิชฌาย์ สินธวรนันท์ ได้ถูกปล่อยตัวกลับบ้าน นับเป็นความภาคถภูมิใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยทุกๆท่าน
ล่าสุดวันนี้14 ธ.ค.60 น.ส.สุพิชฌาย์ สินธวรนันท์ ได้ส่งข้อความทางไลน์มาขอบคุณพ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ทุกคน พร้อมเปิดเผยเพื่อเตือนภัยอันเป็นประโยชน์แก่พี่น้องคนไทย
โดย น.ส.สุพิชฌาย์ กล่าวว่า ตนเองประกอบอาชีพ ขายส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ประตูน้ำ เมื่อเวลาบ่าย ของวันเสาร์ที่ 9 ธ.ค. ตนเองกับพี่ชายได้เดินทางไป เมืองกวางโจว ประเทศจีน เพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้ามาจำหน่าย จนเช้าวันที่ 10 ธ.ค. ตนเองกับไกด์ก็เดินทางออกหาซื้อเสื้อผ้าตามปรกติ เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ตนเอง พี่ชาย และไกด์ ก็เดินทางกลับโรงแรม ปรากฏว่ามีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนจำนวนประมาณ 30คน เข้ามาล้อม พวกตนเพื่อทวงหนี้ ซึ่งตนเองประหลาดใจมากเพราะไม่ได้ติดหนี้ใคร จนไกด์แปลภาษาจนได้ความว่าเป็นหนี้ของ “พี่สาวของแฟนตนเอง” เป็นจำนวนเงินกว่า2ล้านบาท ซึ่งตนเองก็ได้ตอบไปว่าไม่เกี่ยวอะไรเลย เพราะต่างคนต่างทำธุรกิจไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนก็ไม่รับฟังเหตุผลใดๆทังสิ้นต่างยืนยันจะเก็บหนี้จากตนเองท่าเดียว
โดยอ้างว่าตนเองกับพี่สาวของแฟน เป็นญาติกันและทางจีนก็ติดต่อทวงหนี้กับพี่สาวแฟนไม่ได้ซึ่งดิฉันเป็นญาติต้องรับผิดชอบจะอ้างไม่รับรู้ไม่ได้ ซึ่งตนเองได้พยายามให้ทางคาร์โก้ของ"พี่สาวของแฟน" และทางคาร์โก้ของ ตนเองมายืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกัน หรือแม้แต่แม่ค้าชาวไทยที่เผอิญไปซื้อของที่จีนเหมือนกัน ที่รู้จักทั้งตนเองและ"พี่สาวของแฟน"ก็ยืนยันว่าเค้าไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่ก็ไม่ได้ผลแต่อย่างใดทางจีนก็ยังไม่สนใจ ยังยืนยันว่าต้องจ่ายเพราะเป็นญาติกันจะไม่รับรู้ได้ยังไง ตนเองก็ได้มีการติดต่อไปทาง"พี่สาวของแฟน"ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ จะแก้ปัญหายังไง ก็ได้รับแต่คำตอบว่ายังไม่มีเงินมาชำระหนี้คืนจีน จนเวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนก็ยังคุมตัวตนเองไว้เหมือนกับนักโทษทั้งที่ตัวเรามิได้ทำผิดอะไรเลย ตนเองจึงพยายามขอความช่วยเหลือทางไทยให้ช่วยติดต่อสถานทูตแต่เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุด จนนึกได้ว่ามีไลน์ของท่าน พ.ต.ท. สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง จึงได้ไลน์ไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งท่านได้ทราบเรื่องแล้วจึงประสานงานไปยังท่าน พ.ต.อ.ภัคพงค์ สายอุบล ซึงเป็นรอง ผบก.สส.สตม. เมื่อท่านทราบก็รีบพยายามติดต่อไปขอความช่วยเหลือทางการจีนที่ท่านรู้จัก คือ "ท่านซุน" แต่ทางท่านอยู่เมืองคุนหมิงซึ่งห่างจากเมืองกว่างโจวระยะทางกว่า 1พัน กม. เกรงว่าจะมาช่วยไม่ทัน ท่านซุนจึงติดต่อมาทางตำรวจจีนที่กว่างโจวให้ช่วยเหลือตนเองออกมาที่สถานีตำรวจบริเวณใกล้เคียงก่อนเพราะกลัวจะอันตราย แต่ทางพ่อค้าแม่ค้าก็ยังตามมาที่สถานีตำรวจเช่นเดิม
จนเวลาประมาณ 22.30 น. ก็มีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตมาช่วยเจรจา แต่ไม่เป็นผล เพราะกฎหมายบ้านเค้าไม่เหมือนบ้านเรา จนสุดท้ายตนเอง จำเป็นต้องเลือกจ่ายเงินไปก่อนด้วยเงินส่วนตัวและความช่วยเหลือเงินส่วนนึงจากคาร์โก้เป็นจำนวนเงิน 204,000 ¥ หรือกว่า 1ล้านบาท ให้ร้านค้าที่ยัง เหลือเฝ้าตนเองอยู่ จึงยอมปล่อยตัว เมื่อจ่ายแล้วก็ลงลายลักษณ์อักษรชำระหนึ้ (ซึ่งไม่ใช่หนี้ของเรา)ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ แล้วคาร์โก้ก็รีบนำตัวตนเองไปสนามบินทันที จนเดินทางกลับประเทศไทยโดยปลอดภัย เรื่องนี้ขอให้เป็นข้อคิดของผู้ที่ทำธุรกิจกับจีน ขอให้ท่านจงดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา เพราะถ้าท่านโกงเค้าแล้วหนีหลบอยู่ประเทศไทยเพราะคิดว่าเค้ามาตามไม่ได้ ท่านอาจจะรอดแต่ท่านอาจทำให้ญาติพี่นัองหรือคนรู้จักของท่านที่ทำธุรกิจที่จีน เดือดร้อนหรือตายทั้งเป็นได้เพราะความเห็นแก่ตัวของท่าน
ด้าน ด.ต. สมปอง อิ่มยิ้ม ข้าราชการบำนาญ บิดาของ น.ส.สุพิชฌาย์ ได้ส่งหนังสือมาขอบคุณ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ว่าครอบครัวตนเองทำการค้ากับจีนมาตลอดไม่เคยมีปัญหาในส่วนที่มีปัยหาคือพี่สาวของสามีลูกสาว ซึ่งทำธุรกิจคล้ายกัน มีการสั่งของแล้วบ่ายเบี่ยงไม่ชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม ตนเองและครอบครัวต้องกราบขอบพระคุณ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ ที่ให้การช่วยเหลือประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน แสดงถึงความเป็นตำรวจมืออาชีพ สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์อย่างแท้จริง ไม่ละเลยที่จะดูแลสุข ทุกข์ประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากทั้งที่เป็นวันหยุดราชการเร่งติดต่อให้โดยเร็วจนลูกสาวได้ออกมาอยู่ในสถานที่ปลอดภัย จนสามารถเดินทางกลับสู่ประเทศไทยโดยสวัสดิภาพในที่สุด
สำนักข่าวกะฉ่อนดอทคอม ชายนพ by กะฉ่อน รายงาน